“รังสิมันต์” ตั้ง 6 ข้อสังเกตรายงาน Entertainment Complex มีปัญหา ยืนยันก้าวไกล ไม่ขวางการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ แต่เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ทำแล้วต้องทำให้ดี ไม่สร้างปัญหาใหม่ในอนาคต
วันนี้ (29 มี.ค.2567) นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ, นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานวิปฝ่ายค้าน และ นายชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง เขต 4 ร่วมแถลงข่าวกรณีการประชุมสภาฯ เมื่อวานนี้ (28 มี.ค.) เพื่อพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่องศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นว่ารายงานดังกล่าวมีปัญหา ขาดความสมบูรณ์ แต่มติที่ประชุมเห็นด้วยกับรายงานและข้อสังเกตของ กมธ. ให้ส่งไปยังคณะรัฐมนตรีดำเนินการต่อไป
อ่านข่าว : เปิด 12 ธุรกิจ “สถานบันเทิงครบวงจร” ฝ่าฝืนโทษสูงสุดปรับ 5 แสน
นายชุติพงศ์ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลตั้งใจอย่างยิ่งที่จะให้รายงานฉบับนี้ ซึ่งเป็นรายงานที่สำคัญมาก ผ่านไปได้อย่างสมบูรณ์แบบที่สุด โดยเนื้อหาการอภิปรายมี สส.หลายคนจากทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล อภิปรายในทิศทางที่แตกต่างหลากหลาย แม้แต่การแถลงของประธาน กมธ. ก็มีข้อติดขัดหลายเรื่องที่เหมือนยอมรับกลายๆ ว่ารายงานไม่สมบูรณ์
แต่เมื่อเราทราบว่าประธาน กมธ.ยืนยันให้เดินหน้าต่อโดยไม่สนใจข้อทักท้วง เราจึงขอให้มีการตรวจสอบองค์ประชุมเพื่อยืนยันความมุ่งมั่นของรัฐบาลว่าจะผ่านรายงานให้ได้ภายในวันนั้น ซึ่งขอชื่นชมที่ทางรัฐบาลมีองค์ประชุมครบ และความจริงก็ควรเป็นหน้าที่ปกติที่ทาง สส.พรรครัฐบาลควรทำให้ได้ เพราะถือเป็นองค์ประชุมหลัก
ด้านนายปกรณ์วุฒิ กล่าวว่า เมื่อวานนี้ ฝั่งพรรคร่วมรัฐบาลลุกขึ้นบอกว่าสิ่งที่พวกเราทำ ซึ่งคือการนับองค์ประชุมหรือการขอลงมติไม่เห็นด้วยกับรายงาน เป็นการพลิกข้อตกลงร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งตนต้องชี้แจงว่าระดับความเป็นทางการของการตกลงกันในการทำงานสภาฯ เป็นอย่างไร ระดับแรก คือการตกลงกันอย่างไม่เป็นทางการ เช่นเดินไปคุยกัน เป็นการตกลงกันของทั้งสองฝ่ายจริง แต่ไม่มีเอกสาร สองคือระดับที่เป็นทางการและมีเอกสาร แต่เป็นข้อตกลงของแต่ละฝ่าย วิปรัฐบาลก็คือการตกลงร่วมกันของพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค วิปฝ่ายค้านก็คือการตกลงร่วมกันของพรรคร่วมฝ่ายค้านทุกพรรค
ทั้งนี้การประชุมวิปเกิดขึ้นก่อนการประชุม สส. ของแต่ละพรรค การเปลี่ยนมติวิปของแต่ละฝ่ายเป็นเรื่องปกติ หลายครั้งมติวิปรัฐบาลออกมาแบบหนึ่ง แต่พอมาถึงหน้างาน พรรคร่วมรัฐบาลไปคุยกันก็เปลี่ยนเป็นอีกแบบหนึ่ง มีอยู่เป็นประจำ และตนไม่คิดว่าตัวเองจำเป็นต้องรู้ว่าเขาตกลงกันอย่างไร เพราะเป็นข้อตกลงของพรรคร่วมในแต่ละฝั่ง ดังนั้นเมื่อวานนี้ ตนไม่ได้หักข้อตกลงที่ตกลงกันแล้วของทั้งสองฝ่าย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นคือข้อตกลงของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งตนกับพรรคฝ่ายค้านได้คุยกันแล้วว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นแบบนั้น
ประธานวิปฝ่ายค้านกล่าวด้วยว่า การขอนับองค์ประชุมและขอลงมติไม่เห็นด้วยกับรายงาน เป็นเหตุผลในด้านเนื้อหา การที่เราไม่เห็นด้วยกับรายงานฉบับใดฉบับหนึ่ง จะต้องนำไปสู่การขอเวลาคืนของการอภิปราย 152 อย่างนั้นหรือ เชื่อว่าทุกคนมีวุฒิภาวะพอ เมื่ออารมณ์เย็นลงคงไม่เอาเรื่องนี้มาเป็นประเด็นใช้กับเวทีตรวจสอบของฝ่ายค้านที่ใหญ่ที่สุด รองจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้น จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ฝ่ายรัฐบาลขอเวลาอภิปรายครึ่งหนึ่งของญัตติที่ฝ่ายค้านเอาไว้ตรวจสอบรัฐบาล เอาไปอภิปรายเอง แม้กระทั่งรัฐบาลที่เราบอกว่าสืบทอดอำนาจจาก คสช. ยังไม่ทำเลย
อ่านข่าว : มติสภา 253:0 เห็นชอบรายงานกาสิโนถูกกฎหมาย รอชง ครม.
ขณะที่นายรังสิมันต์ กล่าวว่า จุดประสงค์สำคัญของรายงานฉบับนี้ แยกออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่หนึ่งคือการแก้ไขปัญหาพนันผิดกฎหมาย ส่วนที่สองคือในแง่ธุรกิจ ทั้งสองส่วนนี้เป็นผลการศึกษาที่ต้องออกมา แต่ในรายงานฉบับนี้แทบไม่พูดถึงการแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมาย รายงานจึงขาดความสมบูรณ์ พวกเราทักท้วงว่ากลับไปปรับปรุงเพิ่มเติมดีกว่าไหม
วันนี้เรามีปัญหาการพนัน เช่น พนันออนไลน์ บ่อนตามจังหวัดต่างๆ การตั้ง Entertainment Complex จะนำไปสู่การแก้ปัญหาเหล่านี้หรือไม่ ตนคิดว่าไม่ใช่ เราแทบไม่มีมาตรการเรื่องนี้แต่สภาฯ กลับจะผ่านรายงานทั้งที่ไม่ตอบโจทย์ปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบันแม้แต่น้อย
นายรังสิมันต์กล่าวว่า อาจมีคนตั้งคำถามว่าฝ่ายค้านก็นั่งอยู่ใน กมธ. ซึ่งใช่ แต่ต้องยอมรับว่าการบริหารต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายใน กมธ. ก็มีปัญหา เช่น เราตกลงกันแล้วว่าในช่วงปิดสมัยประชุม จะประชุมกันวันพุธบ่าย เปิดสมัยประชุมจะประชุมกันพฤหัสบ่าย เพื่อหลีกเลี่ยงให้ไม่ตรงกับการประชุม กมธ. ชุดอื่น แต่เมื่อตกลงกันแบบนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นคือประธาน กมธ. ไปนัดตอนเช้าของวันพฤหัส นัดกันเสร็จบอกว่าจะประชุมทั้งวัน ถึงเวลาช่วงบ่ายกลับงด นี่เป็นลักษณะของการทำแบบลับ ๆ ล่อ ๆ หรือไม่ การศึกษาเรื่องนี้ที่ควรทุ่มความสนใจ จึงแทบเป็นไปไม่ได้ เราจึงเรียกร้องให้มาประชุมให้มีคุณภาพ ทำรายงานให้ดีขึ้น เราพร้อมให้ความร่วมมือ
“เราไม่ได้ต้องการไม่ผ่านรายงานฉบับนี้ ถึงแม้ทราบดีว่ารายงานฉบับนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับ การที่สุดท้ายรัฐบาลจะดำเนินการโปรเจกต์นี้ รัฐบาลดำเนินการได้อยู่แล้ว แต่ในเมื่อรายงานต้องออกจากสภาฯ เป็นความรับผิดชอบร่วมของทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน จึงมีความจำเป็นต้องทำให้ดีที่สุด ยังไม่นับว่าสุดท้ายผู้ที่จะมาลงทุนในส่วนที่เป็นกาสิโนจะเป็นทุนสีเทาหรือไม่ นี่คือสิ่งที่กังวล และเป็นเหตุผลทั้งหมดที่พรรคก้าวไกลยืนยันไม่แสดงตน ไม่ร่วมโหวตกับร่างรายงานฉบับนี้” รังสิมันต์กล่าว
ทั้งนี้ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวานนี้ (28 มีนาคม 2567) เพื่อพิจารณารายงานผลการพิจารณาศึกษา เรื่องศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment Complex) เพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะกรรมาธิการและที่ปรึกษา กมธ. อภิปรายความตอนหนึ่งว่า ยืนยันว่าเราเห็นด้วยกับการมี Entertainment Complex และไม่ได้คัดค้านกับการมีกาสิโนที่ถูกกฎหมาย แต่เพราะรายงานฉบับนี้ขาดความสมบูรณ์จริง ๆ ในความเป็นจริงต้องการให้ กมธ. กลับไปศึกษาเพื่อจัดทำรายงานฉบับนี้ให้สมบูรณ์ แต่เนื่องจาก กมธ. ปฏิเสธที่จะกลับไปศึกษา จึงมีความจำเป็นต้องนับองค์ประชุมเพื่อชะลอการผ่านรายงานศึกษาที่ไม่สมบูรณ์ฉบับนี้ไปก่อน
ทั้งนี้ สถานการณ์ปัจจุบันมี Entainment Complex เกิดขึ้นรอบชายแดนในประเทศเพื่อนบ้านไม่น้อยกว่า 150 แห่ง ถ้าประเทศไทยทำกาสิโนถูกกฎหมายให้เกิดขึ้นในประเทศ คนไทยที่เดิมเป็นลูกค้าหลักของกาสิโนในประเทศเพื่อนบ้าน ก็จะกลับมาเล่นในประเทศ
อย่างไรก็ดี ตนต้องการชี้ให้เห็นว่ารายงานฉบับนี้มีปัญหาอย่างไร โดยมีข้อสังเกต 6 ประเด็น คือ ประเด็นที่ 1 โมเดลที่เราอยากได้เป็นแบบไหน ต้องไม่ใช่โมเดลแบบสามเหลี่ยมทางคำหรือปอยเปต แต่คือโมเดลแบบสิงคโปร์หรือโอซาก้าที่กำลังจะเกิดขึ้น ซึ่งการจะทำให้สำเร็จโดยไม่ให้มีจุดจบแบบสีหนุวิลล์ จำเป็นต้องมีมาตรการรองรับเยอะมาก เช่น เราจะเอาอย่างไรกับการฟอกเงิน การป้องกันสแกมเมอร์ แก๊งคอลเซ็นเตอร์ การป้องกันการค้ามนุษย์ ซึ่งรายงานฉบับนี้เมื่อพิจารณาแล้ว ยังขาดความสมบูรณ์อยู่มาก
อ่านข่าว : เรือธงสกัดสีเทา “กาสิโนครบวงจร” พลุไฟรัฐบาลจุดแก้เศรษฐกิจ
ประเด็นที่ 2 กรรมาธิการที่ทำรายงานฉบับนี้ มีการประชุมเพียง 11 ครั้ง เดือนธันวาคม 2566 ประชุม 0 ครั้ง เดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ ประชุมเดือนละ 2 ครั้งเท่านั้น และในการประชุมใช้วิธีแบ่งอนุกรรมาธิการศึกษา แล้วให้อนุฯ กลับมารายงาน คำถามคือเรากำลังจะทำเรื่องที่ใหญ่มาก แต่ประชุมกันแค่นี้
“นี่ยังไม่นับว่าเราตกลงกัน ว่าในช่วงปิดสมัยประชุม จะประชุมกันทุกวันพุธบ่าย ต่อเมื่อเปิดสมัยประชุม เราจึงประชุมในวันพฤหัสบดีบ่าย เพราะถ้านัดกันวันพฤหัสเช้า หลายคนที่เป็น สส. นั่งอยู่ในกรรมาธิการ ต้องวิ่งมาลงชื่อ แล้วก็กลับ การโฟกัสรายงานนี้อย่างมีประสิทธิภาพแทบทำไม่ได้” รังสิมันต์กล่าว
ประเด็นที่ 3 หากพิจารณาให้ถี่ถ้วน รายงานฉบับนี้พยายามผลักดันเรื่องการทำกาสิโนที่ไม่ได้ปฏิเสธไม่ให้คนไทยไปเล่น ซึ่งแตกต่างจากโมเดลประเทศอื่น แต่สิ่งที่ตนเห็นว่าสำคัญมากคือการนำเอาเรื่องการเสียภาษีของคนไทยมาใช้เป็นใบอนุญาตในการเป็นนักเล่นพนัน เพราะถ้าเก็บแค่ค่าเรียกเข้า จะไม่แก้ปัญหาที่หลายคนกังวลว่าจะนำไปสู่การติดพนันและทำลายสถาบันครอบครัว ดังนั้นอาจมีมาตรการเช่นถ้าเสียภาษีถึงเกณฑ์ ก็ได้บัตรเล่นเลย เป็นการดึงให้คนอยากเสียภาษีเพิ่มด้วย แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีการถกเถียงเรื่องนี้เท่าที่ควร
ประเด็นที่ 4 ที่นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ประธาน กมธ. ระบุว่ารายงานศึกษาฉบับนี้ เนื้อหาสาระเป็นแค่โมเดล ต้องมีการศึกษาใหม่ นั่นเท่ากับเป็นการยอมรับหรือไม่ว่ารายงานฉบับนี้ไม่สมบูรณ์ ถ้าเช่นนั้นเพราะอะไรจึงไม่ทำรายงานเล่มนี้ให้สมบูรณ์ตั้งแต่แรก และหากไปดูในส่วนกรรมการ จะเห็นว่าได้รับแรงบันดาลใจอย่างมากจากบอร์ดอีอีซี หรือคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งตนขอตั้งคำถามว่าการทำ Entertainment Complex จะใช้วิธีการแบบอีอีซีได้หรือ
“บอร์ดระดับชาติที่ท่านกำหนดไว้ แทบจะยก ครม. น้อยมาทำ ท่านมีเวลาประชุมหรือ สุดท้ายหน่วยที่จะเป็นองคาพยพในการบริหารจัดการ จะกลายเป็นแค่สำนักเลขาธิการ” รังสิมันต์กล่าว
ประเด็นที่ 5 ในรายงานบอกว่าจังหวัดที่มีศักยภาพในการตั้งสถานบันเทิงครบวงจร มีทั้งสิ้น 44 จังหวัด แต่ที่ผ่านมามีการคุยกันไปแล้วว่าอู่ตะเภาจะเป็นที่แรก และเซ็นสัญญาไปแล้ว โดยกลุ่มบริษัท BBS ซึ่งประกอบด้วย BTS, Bangkok Airways และ Sino-Thai ตนจึงอยากทราบว่าความโปร่งใสอยู่ตรงไหน เท่ากับเป็นการล็อกแล้วหรือไม่ว่าจะอยู่ภายใต้การผูกขาดหรือดูแลของใคร สิ่งที่น่ากังวลมากคือสุดท้ายเราจะไม่ได้แบบสิงคโปร์ แต่ประเทศไทยอาจกลายเป็นศูนย์รวมของบรรดาจีนเทาแห่งใหม่
และประเด็นสุดท้าย สิ่งที่ตนกังวลอย่างมาก คือรายงานฉบับนี้ได้รับมติจากสภาฯ ในการทำเพื่อแก้ปัญหาการพนันผิดกฎหมายและเพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของประเทศ แต่ดูจากรายงานผลออกมามีแค่ด้านเดียวเศรษฐกิจอย่างเดียว ไม่มีด้านกฎหมายเลย หากอ่านรายงานโดยละเอียด เมื่อถามว่าจะแก้ปัญหาพนันผิดกฎหมายอย่างไร สรุปก็แก้ไม่ได้ ให้เป็นเรื่องของตำรวจ แบบนี้ถามว่าสุดท้ายเราได้อะไรกลับมา
นายรังสิมันต์ทิ้งท้ายว่า ทั้งหมดนี้ ยืนยันว่าไม่ได้คัดค้านเรื่องการมีกาสิโนที่ถูกกฎหมายในประเทศไทย แต่ทำแล้วต้องทำให้ดี ทำแล้วจะไม่สร้างปัญหาใหม่ นี่คือสิ่งที่เราต้องการ แต่ถ้ารายงานออกมาแบบนี้ ตนเห็นว่าให้นำรายงานนี้กลับไปทำใหม่ดีกว่า แล้วมาช่วยกันตามวันที่เคยตกลง เชื่อว่าเมื่อคุยแล้วจะทำให้รายงานนี้ดีขึ้น กรรมาธิการและ สส. มีเวลาโฟกัส
“เรื่องนี้เรื่องใหญ่ ถ้าทำแล้วต้องทำให้ดี ส่งไปที่ ครม. จะได้รับลูกและนำเอาวิธีการแก้ไขไปใช้ได้เลย ไม่ใช่ไปทำการศึกษากันอีกครั้ง และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่มีการให้ข่าวว่าก้าวไกลขวางเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจ เรื่องกาสิโนของประเทศ เพราะสิ่งที่หวังคือให้รายงานที่ออกจากสภาฯ ออกมาดีที่สุด” รังสิมันต์กล่าว
ขอบคุณข่าวจาก thaipbs
thaipbs.or.th