“รังสิมันต์ โรม” ปัดแทรกแซงจัดสัมมนาชักศึกเข้าบ้าน อ้างช่วยเตรียมข้อมูลให้รบ.ได้รับมือ
ความคืบหน้ากรณีคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร ได้จัดสัมนาเกี่ยวกับเหตการณ์รัฐประหารในเมียนมา ที่รัฐสภา ระหว่างวันที่ 2-3 มีนาคม 2567 ซึ่งมีรายงานว่าทางการเมียนมาได้แสดงความไม่พอใจ โดยเอกอัครราชทูตเมียนมาได้ส่งหนังสือราชการ ‘ลับ’ ถึงกระทรวงการต่างประเทศไทย ระบุ “คัดค้านอย่างรุนแรง”
ล่าสุด นายรังสิมันต์ โรม สส.พรรคก้าวไกล และในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ กล่าวชี้แจงกรณีหนังสือคัดค้านของเมียนมาว่า ตนเองขอยังไม่ยืนยันว่าจริง หรือเท็จ แต่มีเหตุผลให้น่าเชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น เนื่องจากถ้าไม่ใช่เอกสารจริง ก็คงมีการออกมาปฏิเสธแล้ว แต่ตอนนี้ยังไม่มีการออกมาปฏิเสธอะไร และเขารับทราบว่ามีการแจ้งมาหาเขาทุกทิศทางว่ามีข้อกังวลในการจัดงานครั้งนี้ แต่ยังไม่ขอลงรายละเอียด อย่างไรก็ตามยืนยันว่า ประเทศไทยมีสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมีอำนาจที่มีสิทธิในการออกกฎหมาย มีอำนาจที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน และฝ่ายบริหารภายใต้ความไว้วางใจของรัฐสภา การทำหน้าที่ของกรรมาธิกาามีอำนาจรัฐธรรมนูญรองรับ และมีความจำเป็นที่สภาฯ จะเข้าถึงข้อมูลและทำความเข้าใจ ซึ่งยืนยันว่าการจัดเวทีนี้ไม่ใช่การแทรกแซงกิจการภายในประเทศอื่น แต่การจัดเวทีสัมมนาเพื่อรับฟังข้อมูลอย่างรอบด้าน และสภาฯ ก็มีสิทธิที่จะได้รับทราบข้อมูลต่างๆ เพราะว่าสภาฯ ให้คำแนะนำต่อรัฐบาล วันนี้มีการเชิญรัฐบาลมาร่วมรับฟังด้วยตัวเอง เพื่อให้เขานำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการตัดสินใจนนโยบายด้านการต่างประเทศ
ส่วนความจำเป็นในการจัดเวทีสัมมนานั้น นายรังสิมันต์ อ้างว่า เป็นผลสืบเนื่องมาจากสถานการณ์ความรุนแรงในเมียนมา กำลังเข้ามากระทบกับประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลอาจต้องมีเครื่องมือ และนโยบายในรับมือวิกฤตที่ไทยกำลังได้รับผลกระทบ เพราะตอนนี้ที่ประเทศพม่ามีผู้พลัดถิ่นภายในราว 2 ล้านคน และถ้าเขาทะลักเข้ามาในประเทศไทย แล้วจะรับมืออย่างไร มันคือสถานการณ์ที่เราต้องบริหารจัดการให้ดี และเขามองว่าประเทศไทยควรมีการเตรียมพร้อมเรื่องนี้
ดังนั้นสิ่งที่ทำคือเป็นการพยายามทำให้รัฐบาลได้มีข้อมูล ให้รัฐบาลได้เข้าใจว่ากำลังเจอสถานการณ์อะไร เชื่อแค่สถานทูตที่ย่างกุ้งอย่างเดียวไม่พอ เราควรต้องฟังบรรดากลุ่มต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้
ส่วนกรณี นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ยกเลิกการมาพูดในงานสัมมนาเมื่อวันที่ 2 มีนาคมนั้น นายรังสิมันต์ กล่าวว่า ทางกระทรวงการต่างประเทศไม่ได้แจ้งเหตุผลที่ไม่เข้าร่วมงานสัมมนา และทาง กมธ.ได้รับแจ้งค่อนข้างกระชั้น ซึ่งนายปรีย์สามารถส่งเจ้าหน้าที่ข้าราชการประจำที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาร่วมงานได้ โดยตอนแรกระบุว่าจะส่งมา 5 คน แต่ตอนหลังก็ไม่ได้มาร่วมงานเลย ซึ่งก็เป็นคำถามว่า สถานทูตประเทศต่างๆ และกลุ่มชาติพันธุ์มาร่วมงาน แต่ผู้ที่ไม่มากลับเป็นกระทรวงการต่างประเทศไทย จึงค่อนข้างแปลกใจ เพราะกระทรวงการต่างประเทศไทยมีพันธกิจในด้านนี้ อย่างไรก็ตามนายปานปรีย์ไม่มาไม่เป็นไร เพราะจะนำความคิดเห็นจากการจัดเวทีสัมมนา 2 วันนี้ ไปจัดทำเป็นรายงาน และเสนอเป็นคำแนะนำต่อกระทรวงการต่างประเทศ และจะติดตามผลต่อว่าเมื่อส่งไปแล้ว กระทรวงการต่างประเทศว่าอย่างไร สมมติ กต.ตอบมาว่าไม่ทำ ไม่ปฏิบัติตาม มันมีเหตุผลอะไร อันนี้เป็นอำนาจตามกฎหมายที่อนุญาตให้ทาง กมธ. และรัฐสภา
ทั้งนี้พบว่าบรรากาศในการจัดสัมนานั้น นอกจากการพูดคุยของผู้ที่ถูกเชิญมาร่วมงาน ซึ่งส่วนใหญ่ต่อต้านรัฐบาลเมียนมาแล้ว ยังพบว่ามีการจัดแสดงภาพถ่ายการชุมนุมของชาวเมียนมา ที่ชู 3 นิ้ว เพื่อต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาด้วย อีกทั้งยังมีภาพวาดขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นภาพปืนจ่อไปที่ศรีษะของหญิงสาว ซึ่งคาดว่าจะสื่อถึงนางออง ซาน ซูจี อดีตที่ปรึกษาแห่งรัฐ
ขอบคุณข่าวจาก topnewsonline
topnews.co.th