“ดร.อานนท์” ชี้ถ้าสภาจุฬาฯยังรีรอ ไม่กล้าถอดถอนปริญญาบัตร “ณัฐพล” มีอีกวิธีลงโทษให้ลองทำ
เมื่อวันที่ 25 มีนาคม ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ หรือ นิด้า โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุว่าเรื่องวิทยานิพนธ์ของณัฐพล ใจจริง ที่มีทั้ง data falsification (การปลอมแปลงข้อมูล) และ data fabrication (สร้างข้อมูลเท็จ) นั้น
สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีหลังพิงในการถอดถอนปริญญาบัตรแล้ว ดังนี้
1.ผลวินิจฉัยข้อหารือในการถอดถอนปริญญาของนายศุภชัย หล่อโลหะการในปี 2554 ซึ่งอธิบายง่ายๆ ว่าผู้ใดมีอำนาจสถาปนา ผู้นั้นมีอำนาจถอดถอน
2. คำพิพากษาศาลอาญา ที่นายณัฐพล ใจจริง ฟ้องหมิ่นประมาท ศ. ดร. ไชยันต์ ไชยพร
3. ผลการสอบสวนของคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิที่แต่งตั้งโดยสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเอง มีมติ 3 ใน 4 ว่างานของณัฐพล ใจจริง เกินเลยต่อความเป็นจริงไปมาก น่าอัปยศอดสูทางวิชาการ มีการกระทำผิดจริง
สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอาจจะรอคำพิพากษาคดีที่ ม.ร.ว. ปรียนันทนา รังสิตฟ้องณัฐพล ใจจริง และท้ายฟ้องขอให้ศาลสั่งทำลายวิทยานิพนธ์ของณัฐพล ใจจริงทุกเล่ม
ผศ.ดร.อานนท์ ระบุอีกว่า ระหว่างสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยรอคำพิพากษาก่อนจะตัดสินใจลงมติถอดถอนปริญญาของณัฐพล ในประเทศไทยนั้นมีผู้มีอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายในการดูแลจริยธรรมการวิจัยโดยตรง ดังมีประกาศในราชกิจจานุเบกษา ระเบียบคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมว่าด้วยจริยธรรมการวิจัยทั่วไป พ.ศ. 2565
เราจะพบว่านายณัฐพล ใจจริง ทำผิดระเบียบข้อ 13 และ 14 เพราะวิทยานิพนธ์ของนายณัฐพลนั้นมี data falsification (การปลอมแปลงข้อมูล) และ data fabrication (สร้างข้อมูลเท็จ) นอกจากนี้ยังกระทบต่อบุคคลอื่นคือ สมเด็จกรมพระยาชัยนาทนเรนทร และสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยไม่ได้ตรวจสอบข้อมูลให้รอบด้านและนำเสนออย่างมีธงในใจและมีอคติต่อสถาบันพระมหากษัตริย์
ข้อ 13 นักวิจัยต้องไม่บิดเบือนข้อมูล หรือสร้างข้อมูลเท็จเพื่อให้ได้มาซึ่งผลการวิจัยตามที่ตนต้องการหรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่น
ข้อ 14 ในการวิจัยที่มีเนื้อหาสาระกระทบถึงบุคคลอื่นไม่ว่าในทางเป็นคุณหรือเป็นโทษ นักวิจัยจะต้องใช้ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงรอบด้าน การใช้ข้อมูลจากแหล่งอ้างอิงเพียงแหล่งเดียวย่อมไม่เป็นไปตามมาตรฐานการวิจัย
ในการนำเสนอผลงานวิจัยที่มีเนื้อหากระทบถึงบุคคลอื่นตามวรรคหนึ่ง นักวิจัยต้องนำเสนอโดยปราศจากอคติ ไม่ชี้นำไปในทางที่นักวิจัยต้องการ
หากสภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต้องการให้เกิดความรอบคอบและมีหลังพิงเพิ่มขึ้นไปอีก สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยอาจจะพิจารณาส่งเรื่องไปที่คณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย ที่ตั้งขึ้นตามระเบียบนี้ข้อ 29 และมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาตามข้อ 30 วงเล็บ 6 ทั้งยังมีอำนาจลงโทษตามข้อ 38
โดยข้อ 38 กำหนดว่า ในกรณีที่ผลงานวิจัยกระทำโดยฝ่าฝืน ข้อ 12 ข้อ 13 ข้อ 14 ข้อ 19 ข้อ 20 หรือข้อ 26 คณะกรรมการอาจมีมติให้ดำเนินการตามลักษณะและความร้ายแรงแห่งการกระทำผิดจริยธรรม ดังนี้
(1) ถอดถอนผลงานวิจัย
(2) ประกาศการกระทำผิดดังกล่าวให้ทราบเป็นการทั่วไป
(3) ดำเนินการอื่นตามที่ กสว. ประกาศกำหนด
ขอให้สภาจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยลองพิจารณาดำเนินการต่อไปครับ ระหว่างนี้อาจจะมีผู้ที่ต้องการปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปร้องเรียนให้คณะกรรมการพิจารณาจริยธรรมการวิจัย มีวินิจฉัยก็ได้ครับ
ตอนท้าย ผศ.ดร.อานนท์ ตั้งคำถามว่า มีใครพร้อมทำหน้าที่ปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์บ้างหรือไม่ครับ?
ขอบคุณข่าวจาก topnewsonline
topnews.co.th