“ทนายความสิทธิมนุษยชน” ผวาหนัก ถึงขั้นโดนขู่เอาชีวิต หลังทำคดีให้ “ตะวัน ทะลุวัง”

จากกรณีเมื่อวันที่ 14 ก.พ.2567  พนักงานสอบสวนนำ น.ส.ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ หรือ ตะวัน และนายณัฐนนท์ ไชยมหาบุตร หรือ แฟรงค์ ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวมาถึงศาลอาญา ส่วนนายนภสินธุ์ ตรีรยาภิวัฒน์ หรือ สายน้ำ ยังอยู่ในระหว่างการควบคุมตัวที่สถานีตำรวจนครบาลทุ่งสองห้องนั้น

โดยในเวลาต่อมา นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน เดินทางมายังศาลอาญา เพื่อยื่นคัดค้านการฝากขัง นักกิจกรรมทางการเมืองทั้ง 3 คน คือ ตะวันและแฟรงค์ ผู้ต้องหาในคดีขัดขวางขบวนเสด็จ และสายน้ำ ผู้ต้องหาในคดีพ่นสีกำแพงพระบรมมหาราชวัง

พร้อมระบุว่า สาเหตุที่ต้องยื่นคัดค้านการฝากขัง เนื่องจากไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่จะต้องจับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนไปฝากขัง ซึ่งตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา การไต่สวนฝากขังนัดแรก ศาลต้องไต่สวนฝั่งผู้ฝากขังว่ามีเหตุผลอะไร แต่เมื่อวานนี้จะเห็นได้ว่า ไม่มีการไต่สวนฝากขังคดีของนักข่าวทั้ง 2 คน

ดังนั้น การฝากขังต่อศาลจะต้องมีเหตุผลตามกฎหมายที่เพียงพอ โดยจะเสนอเหตุผลต่อศาลให้เห็นว่า ผู้ต้องหาไม่มีพฤติการณ์หลบหนีและข้อหาที่ถูกดำเนินคดีนั้นเป็นข้อหาที่หนักเกินไปกว่าพฤติการณ์ของผู้ต้องหา

นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ส่วนประเด็นเรื่องพนักงานสอบสวน ยื่นท้ายคำร้องคัดค้านการประกันตัว ประเด็นนี้ยังไม่เห็น เพราะตัวเองเพิ่งเดินทางมาถึงแต่ก็เชื่อว่า ทางพนักงานสอบสวนต้องคัดค้านการประกันตัวอยู่แล้ว

โดยหากศาลอนุญาตให้ฝากขังแล้ว จะดำเนินการยื่นประกันตัวในชั้นศาลหรือไม่ เบื้องต้นขอปรึกษากับผู้ต้องหาทั้ง 3 คนก่อน

ขณะที่ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ได้โพสต์ข้อความที่น่าตกใจระบุว่า “แจ้งเพื่อทราบ เมื่อเวลา 14.30 น. ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ถูกชายวัยกลางคนไม่ทราบชื่อโทรเข้าเบอร์สำนักงาน โดยใข้วาจาข่มขู่ รุนแรง เพื่อขอเบอร์ติดต่อทนายความที่ยื่นประกันตัวตะวันและแฟรงค์ ในคดีขบวนเสด็จ เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 67 นอกจากนี้ ยังมีการข่มขู่ว่า กลุ่มของตนพร้อมจะบุกเข้ามาที่สำนักงาน พร้อมอาวุธ

ทั้งนี้ ศูนย์ทนายฯ ไม่ทราบว่ากลุ่มบุคคลดังกล่าวคือผู้ใด หรือมีสังกัดใด จึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป

ล่าสุดทีมข่าว TOPNEWS ได้สอบถามเรื่องนี้ไปยัง นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะที่เป็นทนายความให้กับคดีของตะวัน โดยยอมรับว่าถูกข่มขู่จริง แต่เนื่องจากช่วงนี้ตนมีงานที่ศาลอาญาทุกวัน จึงไม่ได้เดินทางเข้าไปที่ศูนย์ทนายแต่อย่างใด ทั้งนี้ ยอมรับว่า ถ้ามีคนทำจริงก็เป็นเรื่องที่น่ากลัว

โดยตั้งแต่มารับหน้าที่ว่าความให้กับแนวร่วม 3 นิ้ว ก็เคยถูกข่มขู่มาแล้ว แต่อยากให้เข้าใจว่า ทนายความมีหน้าที่ว่าความให้กับลูกความ ถูกหรือผิดก็ว่ากันไปตามกฎหมาย

ขอบคุณข่าวจาก topnews online
topnews.co.th