ฉากสงครามกลางเมืองฉายเป็นหนังตัวอย่างอยู่ข้างบ้าน

สื่อทั่วโลกตีข่าว รัฐบาลทหารเมียนมากำลังบังคับใช้กฎหมายที่อนุญาตให้กองทัพเรียกตัวพลเมืองชายทุกคนที่มีอายุระหว่าง 18-25 ปี และผู้หญิงอายุ 18-27 ปี เข้ารับราชการทหารเป็นเวลาอย่างน้อย 2 ปี

เพื่อเติมกองหนุน หลังสูญเสียกำลังพลจากการสู้รบอย่างหนัก

ในสถานการณ์ที่กองทัพของนายพลอาวุโส “มิน อ่อง หล่าย” กำลังเพลี่ยงพล้ำให้กับ แนวร่วมฝ่ายประชาธิปไตยที่ต่อต้านการรัฐประหารในปี 2564 โดยเกณฑ์ประชาชนคนหนุ่มสาว หลายหมื่นคนเข้าร่วมต่อกรกับรัฐบาลเผด็จการทหาร และผนึกกับพันธมิตรกลุ่มชาติพันธุ์ โดยเฉพาะศึกหนักสมรภูมิโกก้าง

เผด็จการทหารเมียนมากำลังโดนต้อนเข้ามุมอับ

ระทึกหนังกลางแปลงสงครามกลางเมืองข้างบ้าน กลับเข้าบ้านมาดูฉากบู๊ๆเมืองไทย ในสถานการณ์ที่ชนวน “เกมแลกเลือด” ถูกจุดติด ควันโขมง ตามฉากการตะลุมบอนระหว่าง “เด็กเฮี้ยว” กับ “คนแก่ห้าว”

ประจันหน้าพร้อมเอาเป็นเอาตาย ไม่สนรุ่นลูก คราวพ่อคราวแม่

สวมวิญญาณแก๊งเด็กอาชีวะ เถื่อนถ่อย ไล่กระทืบ ไล่ทำร้าย ขู่ออกสื่อ จ้องดักประทุษร้ายกัน โจ๋งครึ่มออกอากาศ

ปฐมบทสงครามกลางเมือง จังหวะปะทะไหลเข้าง่าม “แหลมคม” ลากปมไปเกี่ยวโยงสายล่อฟ้า ลามเร็วไปถึงขั้นโรงเรียนฝึกท็อปบูตขยับตบเท้า ส่งสัญญาณเป็นนัยข่มขวัญ

เตือนแนวร่วมเด็กเฮี้ยวอย่าล้ำแดนต้องห้าม

ดุดันตามสไตล์คนถือปืน คุมรถถัง กดปุ่มกำลังรบ

หักมุมกับท่าทีของปัญญาชน แนวร่วมองค์กรนิสิต นักศึกษามหาวิทยาลัย ที่เรียกร้องให้เปิดกว้างการแสดงออกทางประชาธิปไตยของคนรุ่นใหม่

“เดจาวู” ฝันร้าย “เดือนตุลา” ย้อนกลับมาหลอน

เรื่องของเรื่อง จับอาการฮึ่มฮั่ม อารมณ์คุกรุ่นของท็อปบูตที่เหมือนได้หัวเชื้อชนวนปมเด็กเฮี้ยวล่วงล้ำแดนต้องห้ามมาเป็นเชื้อเผาหัว

เสริมเหตุผลในการเติมน้ำมัน “อุ่นเครื่อง” รถถัง โชว์แสนยานุภาพ คำรามขู่พวกกล้าลองของ ในจังหวะที่กองทัพไทยกำลังโดนรุกหนัก เพลี่ยงพล้ำจากการโดนกองทัพส้ม พรรคก้าวไกลที่ไล่บี้ไล่ต้อน

เปิดทางตัวพ่ออย่าง “ไพร่หมื่นล้าน” นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้นำจิตวิญญาณพรรคก้าวไกล รีเทิร์นกลับเข้าสภา นั่งแท่นกรรมาธิการวิสามัญถ่ายโอนธุรกิจของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของรัฐบาล

ทลายอาณาจักรปู่โสม ยึดขุมทรัพย์ “เสือนอนกิน” ปฏิบัติการ “เวนคืน” สนามกอล์ฟ ทบ. สนามกอล์ฟ ทอ. รีสอร์ตหรู ทร. สถานีโทรทัศน์ คลื่นวิทยุ เก้าอี้บอร์ดรัฐวิสาหกิจ ฯลฯ

ยุ่มย่ามแหล่งเงินแหล่งทองของ “นายพล” ที่มาของทรัพย์สินหลักร้อยล้าน

ตามสถานการณ์กระแสสังคมส่วนใหญ่ไหลเข้าทางกองทัพส้ม อารมณ์ผู้คนภายนอกหนุนให้พรรคก้าวไกลลุยให้สุด

ณ จุดที่ป้ายประกาศ “เขตทหารห้ามเข้า” เริ่มไม่เข้มขลัง

อาการดึงจังหวะถอยแบบที่กองทัพอากาศยอมคืน “สนามงู” กลางรันเวย์ท่าอากาศยานดอนเมือง ให้รัฐบาลทำประโยชน์ เปิดพื้นที่กองบินในจังหวัดเชียงใหม่ทำถนนให้ผู้คนสัญจร

ท็อปบูตต้องประคองเกมสู้ บู๊กับกองทัพเด็กรุ่นใหม่ เพราะลำพังจะหวังพึ่งฝ่ายการเมืองเป็นตัวชูโรงแทน

สภาพของ “บิ๊กทิน” นายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ก็เน้นไปทางบันเทิงกับอีเวนต์

ภาพของ “หมอลำ” หัวหน้าวงลำเพลินซะมากกว่า

ต่างกับยุคของรัฐบาลทหารเฒ่า 3 ป. ที่ฝ่ายบริหารอย่าง “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา อดีตนายกฯและ อดีต รมว.กลาโหม หรือ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกฯและอดีต รมว.กลาโหม จะเป็น “ตัวชน” รับแรงเสียดทานแทนกองทัพ

ตามธรรมชาติของท็อปบูต สูตรการคุมกองทัพ มันมีศักดิ์ศรีของ “นาย” อำนาจแฝงของอดีตผู้บังคับบัญชา ไม่ใช่นักการเมืองนกแลจะถูกเชิดมาคุมง่ายๆ

ที่แน่ๆจุดนี้ น่าจะอยู่ในโฟกัสของฝ่ายเดินหมากอำนาจชั้น 14

ต้องรีบปรับเกมคุมเสือ ก่อนท็อปบูตตบะแตก “เอาไม่อยู่”

หันซ้ายหันขวาจะพึ่ง “บิ๊กตู่” ก็อยู่นอกเหนือทางการเมืองไปแล้ว แนวโน้มก็เหลือแค่ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร ที่ยังอยู่ในเกมอำนาจทางการเมือง

ตามท้องเรื่อง โดยเงื่อนไขเกมอำนาจ ส่อหนีไม่พ้นต้องพึ่งบริการ “พี่ใหญ่”

จ่อส่งเทียบหามมานั่ง รมว.กลาโหม หรือเบิ้มกว่านั้น.

ขอบคุณข่าวจาก thairath online
thairath.co.th