ทั้งๆที่ภายใน ”คำวินิจฉัย” ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญต่อกรณีการเสนอร่างพรบ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล มิได้ระบุในเรื่อง ”การยุบพรรค”
แล้วเหตุปัจจัยอะไรทำให้เกิดความเชื่อมั่นเป็นอย่างสูงว่าจะมีการยุบพรรคก้าวไกลในอนาคตอันใกล้
กระทั่งเกิดแนวทางการวิเคราะห์แตกกระจายออกไปใน 2 แนวทางอันแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง นั่นก็คือ หากมีการยุบก็จะเกิดภาวะระส่ำระสาย นั่นก็คือ หากมีการยุบก็จะยิ่งโต
ความเชื่อมั่นที่จะมีการยุบพรรคก้าวไกลมิได้เป็นความเชื่อมั่นอย่างเลื่อนลอยหากแต่อย่างน้อยก็มีรากฐานที่ดำรงอยู่และ การเคลื่อนไหวตามมาอย่างเด่นชัด
รากฐานหนึ่งเป็นรากฐานอันสัมพันธ์กับการยุบพรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชน รากฐานหนึ่งเป็นรากฐานอันสัมพันธ์กับ การยุบพรรคอนาคตใหม่
จึงไม่แปลกที่ ”คำวินิจฉัย” ของคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ
จะกำหนดทิศทางและความเชื่อของคน เป็นเบาะแสและร่องรอยอันเดินไปในเส้นทาง ”สามารถมั่นใจ” ได้จากอดีต
ขณะเดียวกัน การเคลื่อนไหวจาก ”เครือข่าย” ยิ่งมีความชัด
การเคลื่อนไหวอย่างฉับพลันของบรรดา ”นักร้อง” ไม่ว่าจะเป็นหน้าใหม่ ไม่ว่าจะเป็นหน้าเก่า ยิ่งตอกย้ำและยืนยันว่าแนวทางที่กำหนดในทางการเมืองเป็นเช่นไร
ยิ่งบางคนมีการขยายไปจนถึงขั้นที่ระบุว่าพรรคก้าวไกลอาจมีความผิดประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 113 ยิ่งเพิ่มความร้อน
ขณะเดียวกัน การเผชิญประสบกับปัญหาในท่วงทำนองแบบพรรคก้าวไกล ก็กลายเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ก่อให้เกิดคำถามตามมาอย่างไม่ขาดสาย
เนื่องจากสังคมเพิ่งเห็นผลสะเทือนทางการเมืองที่มีต่อพรรค ไทยรักไทย ที่มีต่อพรรคพลังประชาชน และที่มีต่อพรรคเพื่อไทยว่าดำเนินไปอย่างไร
เมื่อเผชิญกับการรัฐประหารมาแล้ว 2 หน เมื่อเผชิญกับการยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง พรรคเพื่อไทยก็แปรเปลี่ยน
แปรเปลี่ยนมา ”ก้าวข้าม” ความขัดแย้งในนาม ”รัฐบาลพิเศษ”
เสียงเตือนด้วยความจัดเจนและมากประสบการณ์จาก ”ผู้อาวุโส” ในพรรคเพื่อไทยต่อพรรคก้าวไกลจึงสำคัญ
สะท้อนให้เห็นถึง ”การเปลี่ยน” อย่างลึกซึ้งในทาง ”ความคิด”
เป็นผลงานและถือว่าเป็นความสำเร็จจากการดำเนินมาตร การเข้มในทางการเมืองและในทางการทหารจากพรรคไทยรักไทย ผ่านพรรคพลังประชาชนกระทั่งพรรคเพื่อไทย
คำถามอยู่ที่ว่าพรรคก้าวไกลจะเก็บรับ ”บทเรียน” นี้อย่างไร ณ เบื้องหน้าแนวโน้มที่จะยุบพรรคก้าวไกลในอีกไม่นาน
นั่นคือจะยืนหยัดแบบ ”ก้าวไกล” หรือเดินตาม ”เพื่อไทย”
ขอบคุณข่าวจาก matichon Online
matichon.co.th