นายกฯ ย้ำ ประเทศไทยมีศักยภาพ ลั่นต้องไปได้ไกลกว่านี้ ประกาศพร้อมเชื่อมไทยสู่โลก-เชื่อมโลกสู่ไทย ดันไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคนี้ภายในปี 2030
เมื่อวันที่ 12 มี.ค.2567 ที่เมืองคานส์ สาธารณรัฐฝรั่งเศส นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านแอพพลิเคชั่น X ว่า “ประเทศไทยเรามีศักยภาพ เราต้องไปได้ไกลกว่านี้ และวันนี้เราต้องเชื่อมไทยสู่โลก เชื่อมโลกสู่ไทย เพื่อเปิดให้ชาวต่างชาติ มองเห็นประเทศไทยในอีกมุมหนึ่งที่เราอยากให้สังคมโลกเห็น
งานเทศกาลระดับโลกอย่าง MIPIM: The Global Urban Festival ได้เปิดโอกาสให้ประเทศและผู้นำของไทยได้แสดงศักยภาพและวิสัยทัศน์ ผมได้เน้นย้ำถึงความสําคัญของการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นสิ่งสําคัญสําหรับประเทศ
หนึ่งในหมุดหมายสำคัญของรัฐบาลนี้ คือ การสร้างความเท่าเทียมด้วยโอกาสและการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ ตนเชื่อว่า โครงสร้างพื้นฐาน คือ หัวใจสำคัญของการสร้างความก้าวหน้าและการเข้าถึงในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจ เป็นที่รู้กันดีว่า โครงสร้างพื้นฐานที่ดี จะกระจายความเจริญทั้งในมิติเศรษฐกิจและสังคมไปสู่เมืองอื่นๆ ไม่กระจุกตัวอยู่เพียงแค่ในเมืองหลวงเท่านั้น เป็นประโยชน์ต่อทุกภาคส่วน และทุกอุตสาหกรรม
โดยรัฐบาลจะขยายสนามบินเดิม และสร้างสนามบินใหม่เพิ่ม เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการบินของภูมิภาคนี้ภายในปี 2030 ในอนาคตสนามบินบ้านเราจะสามารถรองรับผู้โดยสารได้ถึง 150 ล้านคนต่อปี มากกว่าปัจจุบันหลายเท่า เราจะมี แลนด์บริดจ์ เชื่อม 2 ท่าเรือ และมีระบบรางเพื่อเชื่อมต่อไปยังแหลมฉบัง
ขณะที่โครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ มักจะปล่อยก๊าซคาร์บอนเป็นจำนวนมาก รัฐบาลจึงต้องพิจารณาแผนการผลิตพลังงานทดแทนไปด้วยพร้อม ๆ กัน ประกอบกับในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา อุตสาหกรรม S-Curve ที่ผมได้เชิญชวนมาลงทุน ต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า พลังงานสะอาด คือปัจจัยหลักในการตัดสินใจลงทุน
เรามีเป้าหมายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การผลิตพลังงานทดแทนให้ได้ 50% ของการบริโภคพลังงานในประเทศในปี 2040 เพื่อรองรับการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้น เพราะเราไม่ได้สร้างแค่เพียงโครงสร้างพื้นฐาน แต่เรากําลังสร้างสายสัมพันธ์ที่เชื่อมโยงเศรษฐกิจและผู้คนเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืนและมั่งคั่ง”
ขอบคุณข่าวจาก ข่าวสด
khaosod.co.th