กรมราชทัณฑ์ แจงกรณีการปล่อยตัวพักการลงโทษ “ทักษิณ ชินวัตร” ทำถูกต้องตามกฎหมาย ยืนยันคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ทั่วไปครบตามที่กำหนด

​​วันนี้ (18 ก.พ.2567) กรมราชทัณฑ์ ออกเอกสารชี้แจงว่า เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ได้รับตัวนายทักษิณ เข้ามาควบคุมตัวในเรือนจำฯ ตั้งแต่วันที่ 22 ส.ค.2566

โดยศาลฎีกามีคำพิพากษาตัดสินจำคุก 3 คดี รวมกำหนดโทษ 8 ปี ต่อมาได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ เหลือโทษจำคุก 1 ปี และนับตั้งแต่นายทักษิณ รับโทษจำคุก จนกระทั่งถึงปัจจุบัน วันที่ 17 ก.พ.2567 เป็นระยะเวลารวม 6 เดือน ซึ่งตามแนวทางปฏิบัติของกรมราชทัณฑ์เกี่ยวกับการพักการลงโทษ

เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครจะตรวจสอบคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ของนักโทษเด็ดขาดที่เข้าเกณฑ์เพื่อดำเนินการขอพักการลงโทษ

โดยกรณีของนายทักษิณ จัดอยู่ในกลุ่มผู้มีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป โดยมีคุณสมบัติและหลักเกณฑ์ทั่วไปครบตามที่กำหนดไว้ในประกาศกรมราชทัณฑ์

เรื่อง หลักเกณฑ์การคัดเลือกนักโทษเด็ดขาดเข้าโครงการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป ลงวันที่ 28 ต.ค.2563 คือ เป็นนักโทษเด็ดขาดชั้นกลาง ต้องโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน หรือ 1 ใน 3 ของกำหนดโทษแล้ว

แต่อย่างใดจะมากกว่า การพิจารณาการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษดังกล่าวนี้กรมราชทัณฑ์ ได้ดำเนินการตามระเบียบของทางราชการ โดยมีขั้นตอนการพิจารณา ดังนี้

1. เรือนจำ / ทัณฑสถาน ดำเนินการตรวจสอบคุณสมบัติของนักโทษเด็ดขาดที่เข้าตามหลักเกณฑ์ พร้อมประสานขอความร่วมมือกับสำนักงานคุมประพฤติในเขตพื้นที่ของผู้อุปการะ ดำเนินการสืบเสาะข้อเท็จจริงของนักโทษเด็ดขาด จากนั้นเรือนจำ / ทัณฑสถาน จะรวบรวมเอกสารที่เกี่ยวข้อง จัดประชุมคณะทำงานเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ โดยมีผู้บัญชาการเรือนจำ/ ผู้อำนวยการทัณฑสถาน เป็นประธาน ร่วมกับหน่วยที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ผู้แทนคุมประพฤติ ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันปราบปรามยาเสพติด ผู้แทนกรมการปกครอง ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ

จากนั้นเสนอบัญชีรายชื่อไปยังกรมราชทัณฑ์ เพื่อเสนอต่อคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ตามคุณสมบัติและหลักเกณฑ์การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ

2. กรมราชทัณฑ์ ตรวจสอบเอกสารข้อมูลของนักโทษเด็ดขาดที่เรือนจำ / ทัณฑสถาน ให้มีความครบถ้วน ถูกต้อง เพื่อเสนอในที่ประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อพิจารณาวินิจฉัยการพักการลงโทษ ซึ่งโดยปกติจะมีการพิจารณา เป็นประจำเดือนละ 1 ครั้ง

สำหรับการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ กรมราชทัณฑ์จะต้องเสนอบัญชีรายชื่อผู้ที่คณะอนุกรรมการฯ มีมติปล่อยตัว ต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เพื่อพิจารณาอนุมัติการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ

3. เมื่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมพิจารณาอนุมัติแล้ว กระทรวงยุติธรรมจะส่งหนังสือกลับมายัง กรมราชทัณฑ์ เพื่อแจ้งผลการพิจารณาการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ให้กับเรือนจำ / ทัณฑสถาน ดำเนินการตามมติคณะอนุกรรมการ ฯ ให้พักการลงโทษ โดยต้องมีเอกสารแจ้งให้ผู้ได้รับการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติและปฏิบัติตามเงื่อนไขการคุมประพฤติต่อไป

โดยภาพรวมในเดือน ม.ค.2567 มีผู้ต้องขังทั่วประเทศอยู่ในหลักเกณฑ์เข้ารับการพิจารณาพักการลงโทษและได้รับอนุมัติให้ปล่อยตัวพักการลงโทษ ทั้งสิ้นจำนวน 930 คน แบ่งเป็น

การพักการลงโทษกรณีปกติ จำนวน 913 คน การพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากเจ็บป่วยร้ายแรง หรือพิการ หรือมีอายุตั้งแต่ 70 ปีขึ้นไป จำนวน 8 คน และการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษ โครงการ “สร้างงาน สร้างอาชีพ ฝึกทักษะการทำงานในภาคอุตสาหกรรม” จำนวน 9 คน

กรมราชทัณฑ์ จึงขอชี้แจงรายละเอียดการดำเนินงานในกรณีการพักการลงโทษกรณีมีเหตุพิเศษของนายทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นการดำเนินงานภายใต้กฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง มาเพื่อสร้างความเข้าใจให้แก่สาธารณชน

ขอบคุณข่าวจาก thaipbs online
thaipbs.or.th